SAS ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมสูงสุดในโลกโดย Fast Company

ผู้นำด้านการวิเคราะห์ได้รับการยกย่องทั้งในหมวด Social Good และ Joint Venture 

SAS ผู้นำด้านระบบวิเคราะห์คู่ขนานขนาดใหญ่ และ AI ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมสูงสุดในโลก (Most Innovative Companies) ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่จัดอันดับโดย Fast Company โดยจัดอยู่ในสองหมวดหมู่ กล่าวคือ SAS ได้รับการยกย่องให้อยู่ในหมวด Social Good สำหรับการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การปกป้องป่าฝนแอมะซอนและความหลากหลายทางชีวภาพของโลก ไปจนถึงการส่งเสริมประชากรผึ้งที่มีสุขภาพดี นอกจากนี้ โซลูชั่นการคาดการณ์ด้านอุทกภัยและการเตรียมความพร้อมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนโดยเทคดนโลยีการวิเคราะห์ IoT ของ SAS ® IoT และ Microsoft Azure ก็ได้รับการยอมรับจากบริษัทในฐานะกิจการร่วมค้าชั้นนำ

Jim Goodnight ซีอีโอของ SAS กล่าวว่า "ในฐานะผู้คิดค้นนวัตกรรมด้านการวิเคราะห์มานานกว่า 40 ปีแล้ว SAS เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายด้วยการแปลงข้อมูลปริมาณมหาศาล (บิ๊กดาต้า) ให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึก ด้วยจิตวิญญาณแห่งความกระหายใคร่รู้ที่ต่อเนื่องของเรา เรายังคงอยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างวิธีการใหม่ที่น่าตื่นเต้นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับลูกค้าและพันธมิตรของเรา”

รายชื่อบริษัทที่มีนวัตกรรมสูงสุดจากการจัดอันดับโดย Fast Company นั้นเป็นการยกย่องบริษัทที่ไม่เพียงแต่พบวิธีการที่สามารถฟื้นตัวได้ในปีที่ผ่านมา แต่ยังสามารถเปลี่ยนความท้าทายเหล่านั้นให้กลายเป็นกระบวนการที่ส่งผลกระทบ บริษัทเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่สามารถรอดพ้นจากวิกฤตการณ์เท่านั้น แต่ยังเติบโตอีกด้วย โดยได้สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและวัฒนธรรมโดยรวมของพวกเขา

David Lidsky รองบรรณาธิการ Fast Company กล่าวว่า "ในปีที่เราต้องเผชิญความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ บริษัทต่างๆ ในรายชื่อนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และความคิดสร้างสรรค์ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ

การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อให้บริการที่ดียิ่งขึ้น

ในฐานะองค์กรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความท้าทายในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น SAS ได้ดำเนินโครงการต่างๆ ในปี 2020 เพื่อช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและใช้ระบบการวิเคราะห์เพื่อการใช้โซเชียลมีเดียในการทำสิ่งที่ดีๆ อันที่จริง ความคิดริเริ่มด้านนวัตกรรมทางสังคมของ SAS มีเป้าหมายเฉพาะในการค้นหาวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อเร่งความก้าวหน้าในระดับโลกและขับเคลื่อนโลกไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น และโครงการสร้างผลกระทบทางสังคมเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากความมุ่งมั่นและความเต็มใจของพนักงาน SAS

Susan Ellis ผู้อำนวยการของแบรนด์และหัวหน้าโปรแกรม Social Innovation ของ SAS กล่าวว่า "ที่ SAS เรารู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องเข้าใจถึงประเด็นปัญหาในระดับโลกและเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น เรามองว่านวัตกรรมทางสังคมเป็นโอกาสในการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่า โดยการใช้เทคโนโลยีของเราเพื่อสร้างสิ่งที่ดีๆ ขณะเดียวกันก็ตอบรับความใฝ่ฝันของพนักงานเพื่อการทำงานที่มีความหมายมากยิ่งขึ้น”

ไฮไลท์ของโครงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อมวลมนุษยชาติ (Data for Good) ของ SAS ประจำปี 2020 ได้แก่

  • ด้วยการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ NatureServe ทำให้ SAS สามารถใช้การวิเคราะห์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ โดยการวัดระดับของความเสียหายต่อพืชและสัตว์ และด้วยการร่วมมือกับ SAS ทำให้ NatureServe สามารถสร้างระบบอัตโนมัติและทำให้งานที่ซับซ้อนในการวิเคราะห์สายพันธุ์พืชและสัตว์กว่า 7 ล้านสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักบนโลกใบนี้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น
  • SAS และสถาบัน International Institute for Applied Systems Analysis (IIASA) กำลังแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าของป่า Amazon โดยดำเนินการจากรูปภาพ โครงการนี้ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันคุ้มครองโลกที่ผ่านมา โดยให้ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบและจัดประเภทภาพถ่ายดาวเทียมของของป่าแอมะซอน เพื่อช่วยฝึกฝนแบบจำลองของ AI ที่มีอยู่ในการตรวจหาการตัดไม้ทำลายป่า และในที่สุดก็เป็นการขับเคลื่อนการตอบสนองเชิงนโยบายที่สำคัญในการปกป้องผืนป่าไม้ ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ผู้เข้าร่วมจากกว่า 95 ประเทศได้จัดประเภทรูปภาพไปแล้วจำนวน 90,000 ภาพและอีก 45,000 ภาพที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเน้นที่การดำเนินการในระดับโลกของโครงการที่สำคัญนี้
  • เนื่องในโอกาส วันผึ้งโลกปี 2020 SAS และพันธมิตรของเราได้นำเทคโนโลยี IoT, การเรียนรู้ของเครื่อง และ Visual Analytics มาใช้เพื่อช่วยรักษาและสนับสนุนผึ้ง ผู้ช่วยหลักที่ทำหน้าที่ผสมเกสรของพืชอาหาร โดยในโครงการริเริ่ม World Bee Count นั้น นักวิทยาศาสตร์พลเมืองและผู้เลี้ยงผึ้งได้ส่งภาพแมลงผสมเกสรมากกว่า 20,000 ภาพใน 69 ประเทศที่ครอบคลุมหกทวีป เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจำนวนประชากรผึ้งที่ลดลง

ปฏิรูประบบการเตรียมความพร้อมฉุกเฉินและปกป้องประชากร

โซลูชั่นการคาดการณ์อุทกภัยและการเตรียมความพร้อม ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง SAS กับ Microsoft และได้รับการยกย่องในหมวดกิจการร่วมค้าชั้นนำ ได้ช่วยให้เมืองแครี่ รัฐนอร์ทแคโรไลนา สามารถรวบรวมและวิเคราะห์เซ็นเซอร์ สภาพอากาศ และข้อมูลอื่นๆ เพื่อปรับปรุงการเฝ้าระวังน้ำท่วมและการเตรียมความพร้อม เมืองแครี่ก็ไม่ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ที่มักประสบเหตุการณ์อุทกภัยหลังจากฝนตกหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเฮอริเคนมหาสมุทรแอตแลนติกประจำปี แต่เดิมเมืองแครี่ต้องพึ่งพาชาวเมืองให้แชร์การแจ้งเตือนกับเมืองเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม และเจ้าหน้าที่ของเมืองจะดำเนินการตามคำขอด้วยตนเอง และกระจายบุคลากรออกไปที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับปัญหา ทว่าเพื่อปรับปรุงแนวทางและการพยากรณ์ด้านอุทกภัยให้ทันสมัยขึ้น เมืองแครี่ได้หันมาหา SAS และ Microsoft

ทางเมืองได้ติดตั้งเซ็นเซอร์ระดับน้ำอย่างมีกลยุทธ์ตามแหล่งน้ำและติดตั้งมาตรวัดปริมาณน้ำฝนที่สถานที่ต่างๆ หลายแห่งในเมือง และด้วยการใช้ ระบบวิเคราะห์ของ SAS สำหรับ IoT และบริการ Azure IoT ทำให้ปัจจุบันพนักงานสามารถเห็นภาพเหตุการณ์น้ำท่วมในแบบเรียลไทม์ เมืองแครี่ยังสามารถจัดทำและปรับใช้แบบจำลองการคาดการณ์ และเฝ้าติดตามวงจรชีวิตของแบบจำลองเหล่านี้เมื่อเวลาผ่านไป เมืองแครี่จึงสามารถระบุความผิดปกติต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น โดยผ่านการผสานรวมข้อมูลด้านพยากรณ์อากาศและข้อมูลเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ การวัดระดับน้ำและฝน เพื่อส่งคำเตือนขั้นสูงและการคาดการณ์เหตุการณ์อุทกภัย ทั้งในเมืองแครี่และในเขตเทศบาลโดยรอบ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ นวัตกรรม ได้ที่ SAS และโครงการ Data for Good ของบริษัท

เกี่ยวกับ SAS

SAS คือผู้นำในอุตสาหกรรมการวิเคราะห์ โดยเราได้ช่วยลูกค้ามากกว่า 80,000 ราย ให้ทำการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วขึ้น ผ่านซอฟต์แวร์นวัตกรรมล่าสุดที่เป็นเลิศ ที่ช่วยบริหารจัดการ รวบรวมข้อมูล จัดเก็บ วิเคราะห์และเข้าถึงข้อมูล ซึ่ง SAS นั้น ได้ช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกได้มี THE POWER TO KNOW® มาตั้งแต่ปี 1976

 

 

รายชื่อบรรณาธิการ: